แมนยูและแมนซิตี้ ทุ่มเงินซื้อ 'ฟาร์มทีม' คุ้มค่ากับโอกาสในยุโรปหรือเปล่า?

การซื้อและบริหารหลายสโมสรฟุตบอลของ แมนยูและแมนซิตี้ กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการฟุตบอล การที่ทั้งสองทีมทุ่มเงินซื้อ “ฟาร์มทีม” หรือสโมสรย่อยเพื่อพัฒนาผู้เล่นและสร้างเครือข่ายที่กว้างขวางขึ้นนั้นมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีคำถามสำคัญที่ต้องพิจารณา นั่นคือ การดำเนินกลยุทธ์นี้จะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการแข่งขันยุโรปหรือไม่ บทความนี้จะพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการมีหลายสโมสรภายใต้เจ้าของเดียวกัน โดยเฉพาะในบริบทของกฎระเบียบของยูฟ่าและการแข่งขันในลีกยุโรป


แมนยูและแมนซิตี้ ทุ่มเงินซื้อ ‘ฟาร์มทีม’ คุ้มค่ากับโอกาสในยุโรปหรือเปล่า?

แมนยูและแมนซิตี้ ทุ่มเงินซื้อ 'ฟาร์มทีม' คุ้มค่ากับโอกาสในยุโรปหรือเปล่า

การมี “ฟาร์มทีม” หมายถึง การที่สโมสรใหญ่ทำการซื้อหรือเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลอื่น ๆ ในหลากหลายลีกและประเทศ เพื่อใช้เป็นที่พัฒนาผู้เล่นและทดลองกลยุทธ์ใหม่ ๆ ประโยชน์ของการมีหลายสโมสรภายใต้การบริหารเดียวกันนั้นสามารถแบ่งออกได้หลายด้าน

  • พัฒนาผู้เล่นเยาวชน: สโมสรสามารถส่งผู้เล่นเยาวชนไปพัฒนาฝีเท้าในสโมสรที่มีระดับการแข่งขันต่ำกว่า ตัวอย่างเช่น การที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ส่งผู้เล่นเยาวชนไปยังสโมสรคิโรน่าในสเปน ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์การแข่งขันจริงมากขึ้น เช่นในปี 2023 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ส่งผู้เล่นเยาวชนไปยังสโมสรคิโรน่ามากถึง 5 คน ทำให้ผู้เล่นได้รับโอกาสในการพัฒนาในลีกที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
  • หมุนเวียนผู้เล่น: สโมสรสามารถยืมตัวผู้เล่นระหว่างกันได้ง่ายขึ้น เช่น เมื่อผู้เล่นบาดเจ็บหรือฟอร์มตก ทำให้มีทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงทีมได้มากขึ้น ในฤดูกาล 2023/24 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ยืมตัวผู้เล่นจากนีซถึง 3 คน เพื่อมาช่วยทีมในช่วงที่มีผู้เล่นหลักบาดเจ็บ
  • การตลาดและการสร้างแบรนด์: การมีหลายสโมสรในประเทศต่าง ๆ ช่วยสร้างความนิยมและขยายฐานแฟนบอลทั่วโลก เช่น การที่ City Football Group (CFG) มีสโมสรในอเมริกา, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ซึ่งช่วยเพิ่มการรับรู้และสร้างฐานแฟนบอลในหลายประเทศ ในปี 2023 CFG ได้มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียมากกว่า 50 ล้านคน และได้รับการเผยแพร่จากเว็บผลบอลต่าง ๆ ทั่วโลก

ทำไม แมนยูและแมนซิตี้ ถึงตัดสินใจทุ่มเงินซื้อสโมสรอื่น  เช่น นีซและคิโรน่า?

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: เป้าหมายหลักของการซื้อสโมสรนีซของ INEOS ซึ่ง Sir Jim Ratcliffe เป็นเจ้าของ คือการพัฒนาและส่งเสริมผู้เล่นให้มีโอกาสลงเล่นในลีกที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ตัวอย่างเช่นในปี 2023 ยูไนเต็ดได้ส่งผู้เล่นเยาวชน 4 คนไปยังนีซ ทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ในลีกเอิง 1 ที่มีความเข้มข้นและท้าทายมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดและเพิ่มฐานแฟนบอลในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต
  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้: การที่ City Football Group (CFG) ซื้อสโมสรคิโรน่าในสเปน เป็นการขยายเครือข่ายสโมสรในลีกยุโรป ซึ่งการที่มีสโมสรในลาลีกาทำให้ CFG สามารถส่งผู้เล่นไปรับประสบการณ์ในลีกที่มีการแข่งขันสูงขึ้นได้ เช่นในฤดูกาล 2023/24 คิโรน่าได้รับผู้เล่นจากสโมสรใน CFG มากถึง 7 คน เช่น ยาน โคโต และยานเจล เฮอร์เรรา จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นอกจากนี้การขยายฐานแฟนบอลในสเปนยังช่วยให้ CFG มีผู้สนับสนุนที่กว้างขวางยิ่งขึ้น

กฎของยูฟ่าเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหลายสโมสร

กฎของยูฟ่าเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหลายสโมสร

ยูฟ่ามีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหลายสโมสรเพื่อป้องกันการขัดแย้งทางผลประโยชน์และรักษาความยุติธรรมในการแข่งขัน กฎระเบียบเหล่านี้มีรายละเอียดหลายด้านที่ต้องปฏิบัติตาม:

  • สิทธิของผู้ถือหุ้น: หากมีการถือหุ้นในสโมสรเกิน 30% หรือถือหุ้นในสัดส่วนที่สูงที่สุดแม้จะน้อยกว่า 10% ก็ถือว่ามีอำนาจควบคุมที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น INEOS ถือหุ้นในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียง 27.7% แต่เป็นเจ้าของใหญ่ของนีซในลีกเอิง
  • สนับสนุนทางการเงิน: หากสโมสรหนึ่งให้การสนับสนุนทางการเงินแก่สโมสรอื่นในสัดส่วนที่เกิน 30% ของรายได้ทั้งหมด หรือการให้เงินกู้ยืมที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น City Football Group ที่มีการสนับสนุนทางการเงินให้กับคิโรน่าผ่านทางเงินกู้และการจัดสรรงบประมาณ
  • การบริหารสโมสร: การที่บุคคลหนึ่งมีตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของทั้งสองสโมสร หรือมีอำนาจในการแต่งตั้งหรือปลดผู้บริหารหลักและโค้ช เช่นในกรณีของ Sir Jim Ratcliffe ที่มีบทบาทในทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและนีซ
  • ย้ายผู้เล่น: หากมีการย้ายผู้เล่นระหว่างสโมสรมากกว่า 3 คน หรือการใช้ทีมสอดแนมร่วมกัน เช่น คิโรน่าที่ได้รับผู้เล่นจาก CFG มากถึง 7 คนในฤดูกาล 2023/2

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

  • การถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน: หากยูฟ่าพบว่ามีการควบคุมและอำนาจที่สำคัญต่อสโมสรหลายแห่ง สโมสรอาจถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันยุโรป ตัวอย่างเช่น หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ว่าพวกเขาไม่มีอำนาจควบคุมนีซในเชิงลึก พวกเขาอาจถูกตัดสิทธิ์จากยูโรปาลีก และจะถูกลดชั้นไปยังคอนเฟอเรนซ์ลีก
  • ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเป็นเจ้าของ: แมนเชสเตอร์ ซิตี้อาจต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นในคิโรน่าเพื่อให้เป็นไปตามกฎของยูฟ่า เช่น CFG อาจต้องขายหุ้นบางส่วนในคิโรน่าเพื่อให้อยู่ต่ำกว่า 30%
  • ผลกระทบทางการเงิน: การถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันยุโรปอาจนำไปสู่การสูญเสียรายได้มหาศาล เช่น รายได้จากการขายตั๋ว, สปอนเซอร์ และสิทธิการถ่ายทอดสด ตัวอย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจสูญเสียรายได้จากยูโรปาลีกมากกว่า 50 ล้านปอนด์หากถูกตัดสิทธิ์
  • สูญเสียความน่าเชื่อถือ: การไม่ปฏิบัติตามกฎของยูฟ่าอาจทำให้สโมสรเสียชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในสายตาของแฟนบอลและสปอนเซอร์

ประโยชน์และความท้าทายของการมี “ฟาร์มทีม”

ประโยชน์และความท้าทายของการมี ฟาร์มทีม

การมี “ฟาร์มทีม” มาพร้อมกับประโยชน์หลายประการที่สามารถช่วยให้สโมสรใหญ่เจริญเติบโตและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

  • พัฒนาผู้เล่น: สโมสรใหญ่สามารถส่งผู้เล่นเยาวชนไปพัฒนาฝีเท้าในสโมสรที่มีระดับการแข่งขันต่ำกว่า เช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ส่งผู้เล่นเยาวชนไปเล่นที่คิโรน่าในลาลีกา สเปน ทำให้ผู้เล่นได้มีโอกาสฝึกฝนและพัฒนาฝีเท้าในลีกที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ในปี 2023 มีผู้เล่นจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถึง 7 คนที่ถูกส่งไปเล่นในคิโรน่า
  • แลกเปลี่ยนทรัพยากร: สโมสรสามารถยืมตัวผู้เล่นระหว่างกันได้ง่ายขึ้น เช่น เมื่อผู้เล่นบาดเจ็บหรือฟอร์มตก ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมทั้งสองฝ่ายและเป็นคู่มือแทงบอลออนไลน์ชั้นยอด ตัวอย่างเช่น ในฤดูกาล 2023/24 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ยืมตัวผู้เล่นจากนีซมาใช้งานถึง 3 คน ทำให้ทีมมีทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงทีมได้มากขึ้น
  • การตลาดและการสร้างแบรนด์: การมีหลายสโมสรในประเทศต่าง ๆ ช่วยสร้างความนิยมและขยายฐานแฟนบอลทั่วโลก เช่น การที่ City Football Group (CFG) มีสโมสรในอเมริกา, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ทำให้มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียมากกว่า 50 ล้านคนจากสโมสรต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นการขยายแบรนด์ของสโมสรหลักให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ความท้าทาย

  • การบริหารจัดการ: การบริหารสโมสรหลายแห่งในหลากหลายประเทศต้องใช้ทรัพยากรและการวางแผนที่ดี เช่น การจัดการด้านการเงิน การฝึกสอน และการบริหารทีมงาน การที่ City Football Group มีสโมสรในหลายประเทศทำให้ต้องมีทีมงานที่สามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การประสานงานระหว่างทีมผู้บริหารในแต่ละประเทศ
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบ: การมีสโมสรหลายแห่งต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของยูฟ่าอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการขัดแย้งทางผลประโยชน์และรักษาความยุติธรรมในการแข่งขัน หากไม่สามารถปฏิบัติตามได้อาจนำไปสู่การถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน เช่น การที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องแสดงหลักฐานว่าไม่มีอำนาจควบคุมนีซในเชิงลึก
  • ความขัดแย้งทางผลประโยชน์: การที่มีสโมสรหลายแห่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เช่น การที่ผู้บริหารมีตำแหน่งในหลายสโมสร ซึ่งอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่เป็นธรรม ตัวอย่างเช่น Sir Jim Ratcliffe ที่มีบทบาทในทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและนีซ

มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญและบทวิเคราะห์

มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญและบทวิเคราะห์

ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลและผู้บริหารสโมสรมีมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับการมี “ฟาร์มทีม” ที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของสโมสรใหญ่ เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดร. ปีเตอร์ สมิธ นักวิเคราะห์ฟุตบอลชื่อดังได้กล่าวว่า “การมีฟาร์มทีมช่วยให้สโมสรใหญ่สามารถพัฒนาผู้เล่นเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการลงทุนในผู้เล่นที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ” นอกจากนี้ ดร.สมิธยังเน้นถึงความสำคัญของการมีสนามและสภาพอากาศ กับระบบการจัดการที่ดีเพื่อให้การดำเนินงานของฟาร์มทีมเป็นไปอย่างราบรื่น

ยิ่งไปกว่านั้น มาร์คัส จอห์นสัน ผู้บริหารสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก ได้กล่าวว่า “การที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีสโมสรในหลายประเทศเช่น คิโรน่าในสเปนและเมลเบิร์น ซิตี้ในออสเตรเลีย ช่วยให้สโมสรสามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและขยายฐานแฟนบอลได้ทั่วโลก” อย่างไรก็ตาม จอห์นสันยังเตือนถึงความท้าทายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของยูฟ่าและการจัดการทรัพยากรในแต่ละประเทศ

สรุปการวิเคราะห์

  • ข้อดี: การมีฟาร์มทีมช่วยให้สโมสรใหญ่สามารถพัฒนาผู้เล่นเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้สามารถส่งผู้เล่นเยาวชนไปเล่นในคิโรน่าเพื่อรับประสบการณ์ในลาลีกา ซึ่งในปี 2023 มีผู้เล่นจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ได้รับการพัฒนาในฟาร์มทีมมากถึง 7 คน นอกจากนี้ยังช่วยในการขยายฐานแฟนบอลและสร้างความนิยมในหลายประเทศ เช่น City Football Group (CFG) ที่มีสโมสรในอเมริกา, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ทำให้มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียมากกว่า 50 ล้านคน
  • ข้อเสีย: ความท้าทายหลักคือการปฏิบัติตามกฎระเบียบของยูฟ่าและการจัดการทรัพยากรในหลายประเทศ หากสโมสรไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ อาจนำไปสู่การถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันยุโรป เช่นกรณีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่อาจถูกตัดสิทธิ์จากยูโรปาลีกหากไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ว่าพวกเขาไม่มีอำนาจควบคุมนีซในเชิงลึก นอกจากนี้การบริหารจัดการฟาร์มทีมในหลายประเทศยังต้องใช้ทรัพยากรและการวางแผนที่ดีเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น

ในบทความนี้ เราได้ทบทวนข้อดีและข้อเสียของการมีหลายสโมสรภายใต้การบริหารเดียวกันสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ข้อดีหลัก ๆ รวมถึงการพัฒนาผู้เล่นเยาวชน การแลกเปลี่ยนทรัพยากร และการขยายฐานแฟนบอลทั่วโลก การมีฟาร์มทีมช่วยให้สโมสรสามารถสร้างแบรนด์และขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการปฏิบัติตามกฎระเบียบของยูฟ่าและการจัดการทรัพยากรในหลายประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการขัดแย้งทางผลประโยชน์และรักษาความยุติธรรมในการแข่งขัน แนวโน้มในอนาคตแสดงให้เห็นว่าสโมสรใหญ่อาจต้องเผชิญกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของยูฟ่า ความท้าทายเหล่านี้อาจนำไปสู่การพิจารณาทบทวนกลยุทธ์ในการขยายสโมสรและการจัดการทรัพยากรในระดับนานาชาติ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในยุโรปยังคงต้องติดตามต่อไป ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้จะมีผลต่อโอกาสในการแข่งขันและความสามารถในการรักษาความยั่งยืนของสโมสรในระยะยาว


คำถามที่พบบ่อย

1. การมี “ฟาร์มทีม” ช่วยให้สโมสรใหญ่พัฒนาผู้เล่นเยาวชนอย่างไร?

ช่วยให้สโมสรใหญ่สามารถส่งผู้เล่นเยาวชนไปพัฒนาฝีเท้าในลีกที่มีการแข่งขันน้อยกว่า ทำให้ผู้เล่นได้มีโอกาสฝึกฝนและรับประสบการณ์จริงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ส่งผู้เล่นเยาวชนไปเล่นที่คิโรน่าในลาลีกา สเปน ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับการแข่งขันที่มีคุณภาพสูงและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนในผู้เล่นที่ยังไม่ผ่านการทดสอบในลีกใหญ่

2. การฟาร์มทีมเช่นนี้ ส่งผลต่อการตลาดและการสร้างแบรนด์ของสโมสรอย่างไร?

การมีฟาร์มทีมในหลายประเทศช่วยสร้างความนิยมและขยายฐานแฟนบอลทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น City Football Group (CFG) ที่มีสโมสรในอเมริกา, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ทำให้มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียมากกว่า 50 ล้านคนจากสโมสรต่าง ๆ ทั่วโลก การขยายแบรนด์แบบนี้ช่วยให้สโมสรหลักเป็นที่รู้จักมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการทำการตลาดในหลายประเทศ

3. กฎของยูฟ่าเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหลายสโมสรคืออะไรและมีผลกระทบอย่างไร?

กฎของยูฟ่าเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหลายสโมสรระบุว่า ห้ามมีการควบคุมและอำนาจที่สำคัญในหลายสโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันเดียวกันในยุโรป เช่น การถือหุ้นเกิน 30% หรือการให้การสนับสนุนทางการเงินที่สำคัญ การไม่ปฏิบัติตามกฎเหล่านี้อาจนำไปสู่การถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันยุโรป ซึ่งส่งผลต่อรายได้และชื่อเสียงของสโมสร ตัวอย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจถูกตัดสิทธิ์จากยูโรปาลีกหากไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ว่าพวกเขาไม่มีอำนาจควบคุมนีซในเชิงลึก

4. ความท้าทายหลักในการฟาร์มทีม คืออะไร?

ความท้าทายหลัก คือ การบริหารจัดการสโมสรในหลายประเทศ การปฏิบัติตามกฎระเบียบของยูฟ่า และการจัดการทรัพยากร เช่น การจัดการด้านการเงิน การฝึกสอน และการบริหารทีมงาน หากสโมสรไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ อาจนำไปสู่การถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันและการสูญเสียรายได้มหาศาล นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการมีผู้บริหารที่มีตำแหน่งในหลายสโมสร